
สวัสดี เพื่อนๆ น้องๆ พี่ๆ และทุกคนที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนบล็อกของเรา ชาว HananYm
สำหรับเพจส่วนแรกนี้ ก็คงต้องขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการครับ
HananYm อ่านว่า "ฮา-นา-นีม" เดิมทีชื่อวง มาจาก
ภาษาเกาหลี ว่า 하나님 ซึ่งมีความหมายว่า "พระเจ้า"
คือตอนแรกตั้งชื่อ ยาวมากว่า "하나님께서 할거야!"
อ่านว่า "ฮานานีม เกซ่อ ฮัลกอย่า" ซึ่งหมายถึง "ทำทุกอย่างเพื่อพระเจ้า" คุยกันไปๆมาๆ สรุปว่า เอ่อ ยาวไปแฮะ ทำไงดี ทุกคนก็สรุปสั้นว่า ฮานานีม ก็พอ สั้น ฟังดูเพราะด้วย เพราะฟังพ้องๆ กับคำว่า Hymn (ฮีม)
ที่แปลว่า เพลงสรรเสริญ พระเจ้า ดังนั้น ด้วยวิสาสะ ก็เลย เปลี่ยน ตัว i ใน Hananim เป็น HananYm ซะเลย ถ้าถามว่าทำไมต้องภาษาเกาหลี ก็อยากบอกตรงๆว่า ไม่รู้ดิ นึกขึ้นได้ตอนนั้น ก็เลยเอา 555+

ทีมเรา เดิมที ผู้ก่อตั้งคือ พี่บ๊วย ซึ่งเป็น ผู้บัญชาการทีมสถาบันคนก่อนอยู่นั่นเอง เดิมทีนั้น พี่บ๊วย ตั้งแต่ประมาณปลายๆ ปี 2004 ซึ่งในตอนนั้น กระผม และพี่บ๊วย ได้เรียนไวโอลินมาแล้วประมาณ ปีกว่าๆ ได้แล้วมั้ง ด้วยความที่ตอนนั้นคลั่งไวโอลินมาก เพราะเคยฟังคอนเสิร์ตที่น้องคนนึงเล่นเมื่อนานมาแล้ว มันช่างเพราะจับใจเสียเหลือเกิน อยากเป็นหนึ่งในนั้นที่คอยขับกล่อมเสียงดนตรีบรรเลงแบบนั้นบ้าง เลยจัดการถือวิสาสะ ( อีกแล้ว ) ไปซื้อไวโอลินในห้างฟิวเจอร์รังสิต ด้วยราคาเครื่องละ 3000 กว่าบาท ยี่ห้อ Pearl River ซึ่งตอนนั้น เราก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเสียงไวโอลินอะไรเลย คิดว่า เครื่องไหนๆ ก็คงเหมือนกันมั้ง ยิ่งแพงก็คงยิ่งดี ซื้อเสร็จ ก็ไปซื้อตำราเรียนด้วยตัวเอง มาลองหัดเล่นก่อน ( ร้อนวิชา 55+ ) จากนั้นก็เลยเอามาเล่น ตอนนั้น พอพี่บ๊วย เค้ารู้ว่ากระผมกำลังหัดไวโอลินอยู่ เธอก็ไปปรึกษากับทางทีมออเคสตร้ากรุงเทพ โดยเธอรู้จักกับ พี่เชฐ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเครื่องสายสากลที่นั่นแล้วเธอก็คว้า ไวโอลินมา 2 ตัว อย่างหรู ดูดี มาให้กระผมดู (โอ๊ส มันช่างไพเราะกว่าตัวของข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าแอบอิจฉามาตลอด 55

(ภายหลัง ไวโอลินทั้ง 2 เครื่องนั้น ก็ตกมาอยู่ในความครอบครองของกระผมไปโดยปริยาย 555+ )ตอนนั้นทีมของมีแค่ ข้าพเจ้า พี่บ๊วย และพี่ปัท เพียง 3 คน แต่อย่างว่า มันยังไม่เป็นทีมด้วยซ้ำ เพราะว่า ยังไม่มีการเริ่มต้นอะไรเรื่องวงเลย ก็แค่คนอยากเล่นดนตรี 3 คน ก็เท่านั้นเอง ...
เรื่องของเรื่อง มันเริ่มต้นที่กระผมเริ่มเรียนไวโอลินที่โรงเรียนใกล้ๆบ้าน โดยมีอาจารย์จากโรงเรียนเก่าสมัยประถมมาสอนที่นี่ ท่านคือ ครูสด แกเป็นชายที่โปรด้านไวโอลินและเปียโนมาก แกเล่นสไตล์ ป๊อป ได้น่าประทับใจยิ่งยวดซึ่งที่โรงเรียนนี้เอง ข้าพเจ้าได้พบกับ หนูพรีม เด็กสาว แสนสวย (เหรอ -*- ) ที่เรียนไวโอลินมาก่อนหน้าข้าพเจ้า เธออยู่ ป. 6 เอง แต่น่าตกใจกว่านั้นคือ เธอตัวโตเท่ากระผมเลยสิเนี่ย เพราะวันนั้นเธอเรียนต่อจากกระผมนั่นเอง เราก็ได้เริ่มคุยกันและ พบว่า เธอก็ค่อนข้างเล่นเก่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ในตอนนั้น)
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจ ชวนเธอมาที่คริสตจักรของเรานั่นเอง ( เหอ เหอ ) และเธอก็ตามเรามาอย่างง่ายดาย ( หลงกล 555+ ) และพี่บ๊วยก็ได้พบกับเธอเป็นครั้งแรก โดยที่พี่บ๊วยถามหนูพรีมว่า "แบงค์นี่เพื่อนเหรอ"


ต่อมา ในเวลาเดียวกัน พี่หญิง จากทีมออเคสตร้ากรุงเทพ ก็ได้แวะมาหาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่าง พี่ปัทของเรา ทั้ง 2 คุยกันอย่างสนิทสนมชิดเชื้อ แต่ทว่าที่ดีกว่านั้นคือ เธอไม่ได้มามือเปล่า เธอมาพร้อม น้องผู้ชายอีกคนที่เธอเจอถือกล่องไวโอลินบนรถเมล์ ย้ำ เธอเจอเขาถือกล่องไวโอลินบนรถเมล์ เธอเลยขอเบอร์ไว้ เเล้วหนีบมาให้เรารู้จัก โอ๊ส เธอช่างกล้ามากๆๆๆๆๆ นับถือๆ แต่ก็นั่นแหละ ทีมของเราก็ได้รู้จัก นนท์ เป็นครั้งแรก นนท์เล่นไวโอลิน ให้เราฟังเพลงแรก "ค้างคาวกินกล้วย" ได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งการ วิบราโต้ (ที่ตอนนั้นเรายังทำไม่ได้) และสารพัดเทคนิคแพรวพราว นายช่าง เหนือมนุษย์มากกกกกกก
แต่เพลงส่วนใหญ่ในตอนนั้นที่นนท์ถนัดเป็นเพลงเเนวเพลงไทย และนนท์ก็บอกเราว่า ฝึกเองทุกอย่าง ทั้งหมด คนที่ฝึกเองแล้วเล่นได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ถ้ามีครูดีๆ สงสัยไประดับโลกละเีนี่ย นนท์จึงเข้ามาผูกพันตัวร่วมทุกร่วมสุบกับวงของเราตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่พี่หญิงก็หายไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเหมือนกัน (เธอทำงานอยู่ กทม. ก็เลยยากหน่อยที่จะเจอตัวเธอ ) ..
ตอนนี้รวมๆ กันก็ มีประมาณ 5-6 คนละ ฟังดูเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับวงเครื่องสาย แต่จะว่าไป มีแต่ไวโอลินแฮะ ต่อมา เจมส์ น้องชายสุดหล่อในทีมสถาบันของเรา ซุ่มไปเรียนเปียโนอยู่หลายปีดีดัก และเขาก็มาเปิดตัวในฐานะ Pian


นี่คือภาพแรกๆของทีม ก็มี ไวโอลิน 5 เปียโน 1 คอรัส 1 ซึ่ง มันคงเป็นทีมที่ยังไม่สมบูรณ์เท่าไร เพราะถ้าจะทำวงเครื่องสายแชมเบอร์ก็ต้องมีเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆเพิ่มอีก จึงมีการปรากฏกายของเธอขึ้นมาอีกคน นั่นคือ
น้องนุ้ย สาวน้อย พาณิชยการธนบุรี(มั้ง) จริงๆแล้วเธออยู่ในโบสถ์เรานานละล่ะ แต่เธอมีภาระใจอยากร่วมวงด้วย เธอก็เลยมาประจำตำแน่ง วิโอล่า ซินเดอเรลล่าแแห่งวงเครื่องสายซะเลย เธอได้เข้าไปร่วมเล่นที่วงใหญ่กรุงเทพมาแล้วนะจะบอกให้ จึงถือเป็นหนึ่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ของเราเลยก็ว่าได้ แต่พักหลังๆ เธอเรียนหนักมาก ได้ข่าวว่าตอนนี้เรียน ปวส. อยู่ เรื่องดนตรีเธอเลยห่างๆไป น่าเสียดายเนอะ ต้องทำ Part-time


เอ็ม เพื่อนเจมส์(อีกคน)ก็เข้ามาร่วมวง หลังจากที่ดูหนังจอเงิน Season Change ได้ไม่นาน อารัมภบทมากมายเชียวล่ะ ว่าอยากเล่นไวโอลิน ม๊ากกกกกกกกก มาก ขอร้องให้หนุ่มหล่อมากฝีมืออย่างเราช่วยสอนให้ที ลหังจากเรียนและซ้อมอยู่นาน เขาก็ได้เข้ามาร่วมวงกับ HananYm ในฐานะ มือไวโอลิน คนหนึ่งเช่นกัน( 1 ในลูกศิษย์สุดรักสุดหวง)
แต่ก็อีก มีวิโอล่า ก็ขาด เชลโล่ ไม่ได้ พี่ใหญ่แห่งตระกูลเครื่องสาย ด้วยความเสียสละของพี่บ๊วยในฐานะหัวหน้าวงและหัวหน้าทีมสถาบัน เธอจึงนำคอมตัวเก่าของที่บ้านไปขาย เพื่อมาซื้อ เชลโล่ ให้กับทีม โดยที่ กระผมยอมเสียสละ ไปเล่นเชลโล่ แทน ( ซึ่งนำการเปลี่ยนแปลงมหาศาลมาแก่ชีวิตของกระผมเอง ) ซึ่งกระผมก็ต้องออกเงินค่าเรียนเชลโล่ด้วยนั่นเอง โดยย้ายจากเรียนที่เดิมไปเรียนที่ Dr.Sax หรือ โรงเรียนเตรียมมหิดลดนตรี นั่นเอง เอิี๊๊กๆๆ เพราะเจ้าเชลโล่สีแดงตัวนี้ กระผมจึงได้เข้าไปเล่นกับวง Hope Philharmonic Orchestra วงออเคสตร้าชื่อดังของไทยซึ่งได้เคยเล่นรวมกับวง New York Philharmonic Orchestra มาแล้ว โอ๊สสสสสส .....
หลังจากที่ซุ่มซ้อมกันมาอย่างดี ทั้งไปเล่นรวมทีมกับ ทาง กทม. วงของเราก็ได้ ประกาศศักดินา ครั้งแรก เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2005 โดยการเล่นแชมเบอร์ ในงานต้อนรับผู้นำคริสตจักร โดยมีอาจารย์ PN เป็นประธานด้วย ว้าว ... ฮานานีมเจ๋งมาก เราบรรเลงด้วย Canon in D โดยมีเสียง Pizzicato อันเกิดจากเชลโล่ (กระผมดีดเอง 555+ ) ทำเอาห้องประชุมหยุดกึก แล้วหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน "น่าประทับใจมาก" ประโยคสั้นๆ แต่กลับทำให้เรารู้สึกปลื้มใจอันเป็นที่สุด
เท่านั้นยังไม่พอ พวกเราก็ยังได้บรรเลงเพลงทั้งในคอนเสิร์ตนมัสการบ้าง และในงานแต่งงานของพี่น้องบ้าง ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด ทำเอาชื่อฮานานีมมีแต่คนอยากจะเจอ ... ดังเลยเนอะ

สมาชิกทีมยังไม่หยุดแค่นั้น
โฮป ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของศิษยาภิบาลโบสถ์เรา จับทรัมเป็ตสีทองอร่าม มาร่วม
จอยดนตรี ให้เกิดเสียงประสานอันน่าหลงใหลไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าตัวแค่นี้จะเล่นเครื่องดนตรีที่ต้องใช้ลมได้นะเนี่ย ... เคยแข่งวงโยธวาธิตระดับประเทศมาแล้วด้วย
เมื่อก่อน โฮปเนี่ย ตัวเล็กมากๆๆๆๆ แต่เดี๋ยวนี้ตัวสูงพอๆกะเราเลย เปลี่ยนช่วงวัย เอิ๊กๆ

พี่กุล ครูระวีคริสตจักรเด็ก ไม่รู้โผล่มาจากไหน รู้ตัวอีกที เจ๊ก็มาเล่นดนตรีกะเราแล้ว 555+ เจ๊เค้าประจำตำแหน่งไวโอลิน ... ดูเผินๆ เจ๊เค้าจะอยู่กะกลุ่มสถาบันได้ เพราะ เจ๊แก หุ่น เล็กๆ เหมือนเด็ก ม. ต้น เอิ๊กๆๆๆ
เบลล์ อันนี้น้องสาวกระผม หลังจากอิดออดมากว่า 5-6 ปีที่ข้าพเจ้าเล่นดนตรีมา และคะยั้นคะยอให้เธอจับเครื่องสาย เธอก็ได้ฤกษ์ ในการคว้า วิโอล่าขึ้นมาเหน็บคอ เพื่อจะบรรเลงเพลงให้โลกได้ยินบ้าง


โอลีฟ .. สาวน้อยอารมณ์ดี แม้เธอจะยังใหม่เรื่องเชลโล่ แต่ในภายภาคหน้าเธอจะเป็น Jaqueline Dupré คนต่อไป ด้วยฝีมือการสอนของกระผมเอง
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงก็คือ การโยนไม้บาตองจากมือพี่บ๊วย มาสู่มือของกระผมนั่นเอง เนื่องจากเมื่อกุมภาพันธ์ปีก่อน พี่บ๊วยได้เปลี่ยนนามสกุลจากนามสกุลเดิมไปใช้นามสกุลใหม่ เธอจึงเปลี่ยนสถานะจาก ผู้ดูแลสถาบัน เป็น สมาชิกกลุ่มครอบครัว กระผม ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มเด็กนักเรียนจึงคว้าไม้บาตองนั้นไว้ในมือด้วยความยินดี พร้อมกับ เรียนรู้ด้านการคอนดักต์ วงเครื่องสายมากขึ้น
จากเด็กน้อยด้อยค่า กลายเป็น นักไวโอลิน ผันตัวเป็น นักเชลโล จนมาเป็นคอนดักเตอร์ แม้จะเป็นวงแชมเบอร์เล็กๆที่มีสมาชิก 10 กว่าคน แต่ว่า พวกเราก็เต็มที่กับสิ่งที่พระเจ้าให้กับเรามา เต็มที่กับการบรรเลงบทเพลงเพื่อเยียวยาจิตใจผู้อื่นภายใต้การนำของคอนดักเตอร์สุดหล่อคนนี้เอง
ทุกคนมีศัยภาพในตัวเองทั้งหมด ทุกคนหากแต่ว่าเมื่อไรกันหนอที่เราจะดึงเอาศักยภาพนั้นออกมาจากตัวเราเองแล้ว บอกให้โลกรู้ว่า ความตั้งใจนั้นมีจริง+++ ที่สำคัญต้องขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เราได้มารวมตัวกันแบบนี้ด้วย
นี่แหละครับ ที่มาของฮานานีม เดอะ แชมเบอร์ ปลายปี 2009 นี้ ฮานานีมจะมารวมตัวกันอีกครั้ง ในชื่อว่า
HananYm El Armonico de Sonido สัมพันธภาพแห่งคีตกาล !!!! เป็น Theme หลักสำหรับคริสต์มาสปีนี้ครับ !!!!

ดังนั้น ตั้งแต่นี้ไป บล็อกนี้จะเป็นบล็อกของพวกเรา ชาว HananYm ซึ่งเรารับความคิดเห็นจากทั้งคนในและผู้สนใจครับ ที่นี่จะเป็นบล็อกแจ้งข่าวของชาวเราและความเป็นไปของชาว ฮานานีม อิอิอิอิ +++++
GBU
wow! แระแล้วก้อมีบลอก อิอิ พึ่งรุนะเนี่ยะ ประวัติมานเปนฉะนี้นี่เอง ยาวซะเหลือเกิน
ตอบลบเขียนนานมะเนี่ยะ หุหุ
ติดตามตอนต่อไป โหะๆๆๆ